ในปัจจุบัน หาทานขนมตาลรสชาติดีได้ยาก เนื่องจากปริมาณการปลูกต้นตาลที่ลดลง ขนมตาลที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการมักใส่เนื้อตาลน้อย เพิ่มแป้งและเจือสีเหลืองแทน ซึ่งทำให้ขนมตาลมีเนื้อกระด้าง ไม่หอมหวาน และไม่อร่อย
1. นำผลตาลสุกมาปอกเปลือกออก แล้วยีลูกตาลในน้ำอุ่นเพื่อแยกเอาแต่เนื้อผลตาลไว้
2. นำเนื้อผลตาลที่ยีแล้ว ใส่ถุงแป้งแขวนไว้ 12 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำที่ปนมากับเนื้อลูกตาลไหลออกมาจากถุง ให้เหลือแต่เนื้อล้วน ๆ
3. นำน้ำตาลไปเคี่ยวกับกะทิจนน้ำตาลละลาย (ระหว่างที่เคี่ยวให้ใช้ไฟอ่อน) เมื่อได้ส่วนผสมที่เป็นน้ำกะทิแล้ว นำมาเทผสมในเนื้อผลตาลประมาณ 2 ถ้วยตวง ใส่แป้งข้าวเจ้าผสมลงไปแล้วคนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
4. นำน้ำแป้งที่ผสมเนื้อผลตาล ใส่หม้อไปตั้งไว้กลางแดด ประมาณ 7 – 10 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ตอนกลางคืน เพื่อให้เนื้อขนมขึ้นฟู หรือจะใช้ผงฟูช่วยก็ได้
5. นำแป้งที่ผสมเนื้อผลตาลและแป้งขึ้นฟูแล้วมาตักใส่ถ้วยหรือกระทง ใส่มะพร้าวขูดผสมเกลือเล็กน้อยโรยหน้าขนม แล้วนำไปนึ่งจนสุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (จับเวลาตั้งแต่น้ำเดือดจนขนมสุก)วัสดุ/อุปกรณ์ :
- เตาแก๊สพร้อมถัง หรือเตาถ่าน
- กระทะทองเหลือง ไม้พาย
- ผ้าขาวบาง ชุดถ้วยตวง
- หม้ออลูมิเนียม เล็บแมว (เครื่องมือทำขนม)
- ถ้วยหรือกระทง
- ถุงแป้ง ทัพพี ใบตองตานี (สำหรับทำกระทง)ส่วนผสม :
- ผลตาลสุก 2 – 3 ผล- น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง
- น้ำกะทิ (สำหรับทำขนม) 6 ถ้วยตวง
- แป้งข้าวเจ้า 6 ถ้วยตวง
- มะพร้าวขูดพอประมาณ
ข้อเสนอแนะ : ควรใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นผลตาลสุกงอม น้ำตาล แป้ง และน้ำกะทิ สำหรับน้ำกะทิควรคั้นเองจากมะพร้าวสด ๆ จะหอมน่ารับประทานกว่าซื้อที่คั้นมาจากตลาดสดซึ่งบางครั้งใช้มะพร้าวเก่าที่มีกลิ่นเปรี้ยว ไม่น่ารับประทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น